Privacy Policy

  1. หลักการและเหตุผล
    บริษัท โทรคมนาคมแห่งขาติ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) เป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติบริษัทมหาชน จำกัด พ.ศ. 2535 ผู้ดำเนินธุรกิจหลักด้านโทรคมนาคมและธุรกิจดิจิทัล ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลต่าง ๆ
    บริษัทให้ความสำคัญกับการปฏิบัติตามกฎหมายจึงตระหนักในความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วน บุคคล (Data Privacy) ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสำคัญในความเป็นส่วนตัว ที่ต้องได้รับความคุ้มครองและปฏิบัติ ตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ที่กำหนดโดยต้องจัดระบบเพื่อควบคุมดูแลอย่างเข้มงวดและรัดกุม เพื่อให้ข้อมูล ส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลปลอดภัย มีเสถียรภาพ และการประมวลผลข้อมูลเป็นไปอย่างโปร่งใส
  2. ขอบเขตการใช้
    นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบว่า บริษัทปฏิบัติต่อ ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล เช่น การเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผย รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ของเจ้าของ ข้อมูล เป็นต้น
    โดยให้นโยบายฉบับนี้ มีผลใช้บังคับกับทุกกิจกรรมการดำเนินงานของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วน บุคคล เป็นต้นว่า ประเภทและรูปแบบของข้อมูลที่จัดเก็บ ช่องทางการจัดเก็บข้อมูล วัตถุประสงค์ของบริษัทใน การเก็บรวบรวมข้อมูล การนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้กับบุคคลอื่น ตลอดจน วิธีการที่บริษัทดำเนินการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล
  3. วัตถุประสงค์
    บริษัทมีความมุ่งหมายที่จะคุ้มครองและเคารพต่อสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลตามรัฐธรรมนูญแห่ง ราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง บริษัทจึงได้จัดทำประกาศนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สำหรับประกาศให้บุคคลภายนอก ได้รับทราบ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่ออธิบายถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม วิธีการเก็บรักษา ใช้ โอน เปิดเผย แก้ไข ลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล และอธิบายถึงสิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งเป็นบุคคล ที่บริษัทติดต่อด้วย รวมถึงบุคคลที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ผู้ใช้บริการ ลูกค้ารายบุคคล คู่ค้าทางธุรกิจ ตัวแทนของลูกค้า ตัวแทนของคู่ค้า องค์กรอื่น ๆ ผู้เยี่ยมชมสำนักงานของบริษัทหรือเว็บไซต์ของบริษัทหรือ บุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า “ท่าน”)
    ทั้งนี้ ประกาศฉบับนี้อาจได้รับการปรับปรุงแก้ไขเมื่อมีการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือมีการ เปลี่ยนแปลงนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท บริษัทขอแนะนำให้ท่านอ่านประกาศนี้และ ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดให้เป็นประจำ
  4. คำนิยาม
    “พระราชบัญญัติ” หมายความว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงที่แก้ไข เพิ่มเติม
    “สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครอง ข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
    “คณะกรรมการ” หมายความว่า คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติ คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562
    “บริษัท” หมายความว่า บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ “บริษัทในเครือ” หมายความว่า บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริษัทมี ทุนรวมอยู่ด้วยเกินกว่าร้อยละยี่สิบห้า
    “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลผู้นั้นได้ ไม่ว่า โดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของผู้ใช้บริการ คู่ค้า หรือของบุคคลใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการอ้างอิงถึงสิ่งซึ่งสามารถระบุหรือเชื่อมโยงถึงตัวบุคคลได้ เช่น ชื่อ หมายเลขประจำตัว ข้อมูลสถานที่ ตัวบ่งชี้ในอุปกรณ์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ หรือปัจจัยหนึ่งหรือหลายปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับอัตลักษณ์ทางร่างกาย ทางสรีรวิทยา ทางพันธุกรรม ทางจิต ทางเศรษฐกิจ ทางวัฒนธรรมหรือทางสังคม ซึ่งถูกประมวลผลโดยบริษัท หรือโดยผู้ประมวลผลข้อมูลที่กระทำในนามของบริษัท ทั้งนี้ ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
    “ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน” หมายความว่า ข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่ำพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนา ปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูล สุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซี่งกระทบต่อ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการกำหนด
    “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่ถูกระบุตัวตนหรือที่สามารถระบุตัวตนได้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้นว่า ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ คู่ค้า ผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์หรือ Mobile Application ของบริษัท รวมถึงบุคคลใดที่มีนิติสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับบริษัท เจ้าของข้อมูลไม่รวมถึงผู้เสียชีวิต และ “นิติบุคคล” ที่จัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมาย เช่น บริษัท มูลนิธิ สมาคมหรือองค์กรอื่น ๆ
    “เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยกรรมการผู้จัดการใหญ่ให้ทำ หน้าที่ตามมาตรา 41 และ 42 แห่งพระราชบัญญัติ
    “ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีอำนาจและหน้าที่ในการตัดสินใจ เกี่ยวกับการรวบรวม การใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
    “ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า บุคคลหรือนิติบุคคลที่ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ตามคำสั่งที่ได้รับจากหรือในนามของบริษัทที่ทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
    “ประมวลผล” หมายความว่า กิจกรรมใด ๆ ที่มีการดำเนินการกับข้อมูลส่วนบุคคลไม่ว่าจะด้วยวิธีการ อัตโนมัติหรือไม่ก็ตาม เช่น การรวบรวม การบันทึก การจัดเก็บ การเปลี่ยนแปลง การเข้าอ่าน การใช้ กา รดึง ข้อมูล การเปิดเผยโดยการส่ง การแบ่งปัน การทำให้เข้าถึงได้ การจัดเรียงหรือการรวม การจำกัดการเข้าถึง การตั้งเงื่อนไข การส่ง การเผยแพร่ การลบหรือการทำลายโดยวิธีการใด ๆ
    “การละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล” หมายความว่า การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาตจาก บริษัทหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
    “บุคลากร” หมายความว่า ลูกจ้าง บุคลากรของบริษัท และให้หมายรวมถึงผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ในนามของบริษัท ลูกจ้าง บุคลากร และผู้รับจ้างของผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ทำงานให้แก่บริษัท ทั้งนี้ อาจรวมถึงผู้ปฏิบัติงานจากนิติบุคคลภายนอก (Outsource) ในกรณีที่ทำหน้าที่ในนามบริษัท สำหรับการ จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล การฝึกอบรม หรือการประเมินผลการปฏิบัติการ
    “บุคคล” หมายความว่า บุคคลธรรมดา
    “การเก็บรวบรวม” หมายความว่า การทำให้ได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคล
    “การประมวลผลข้อมูล” หมายความว่า การดำเนินการใด ๆ ซึ่งกระทำต่อข้อมูลส่วนบุคคล ไม่ว่าจะโดย วิธีการอัตโนมัติหรือไม่ เช่น การเก็บรวบรวมการบันทึกการจัดระบบ การเก็บรักษา การใช้การเปิดเผย การเปลี่ยนแปลง หรือการกระทำอื่นใดซึ่งทำให้เกิดความพร้อมใช้งาน หรือการผสมเข้าด้วยกันการลบ การทำลาย
  5. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
    การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล จะกระทำภายใต้วัตถุประสงค์และเพียงเท่าที่จำเป็นตามกรอบ วัตถุประสงค์หรือเพื่อประโยชน์ที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม โดยจะแจ้งให้ เจ้าของข้อมูลทราบก่อนหรือในขณะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงรายละเอียดดังต่อไปนี้ 5.1 วัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม
    เพื่อการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของบริษัทในการให้บริการ ปรับปรุงคุณภาพเครือข่าย การคำนวณและการเรียกเก็บค่าใช้บริการ การศึกษา การวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อพัฒนาคุณภาพการให้บริการของ บริษัทให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อประโยชน์ของเจ้าของข้อมูล เพื่อเสนอสิทธิประโยชน์ตามความสนใจของ เจ้าของข้อมูล และเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย
    หากมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ใหม่ บริษัทจะประกาศให้เจ้าของข้อมูลทราบโดยเร็ว 5.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ทำการเก็บรวบรวมและระยะเวลาในการเก็บรวบรวม
    บริษัทจะทำการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล เช่น ชื่อ สกุล ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด เพศ ประวัติการศึกษา หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล เลขประจำตัวประชาชน ข้อมูลบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต เลขบัญชีธนาคาร หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับการธนาคาร หรือการชำระเงิน หมายเลขไอพี หมายเ ลขบริการ คุกกี้ MAC Address บัญชีผู้ใช้ ข้อมูลการใช้บริการ พฤติกรรมการใช้บริการ ความพึงพอใจต่อการใช้บริการ บันทึกการติดต่อสื่อสารของเจ้าของข้อมูลกับบริษัท และข้อมูลอื่นใดที่อาจเกิดขึ้นในขณะที่ใช้บริการกับบริษัท บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตราบเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูล และตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเมื่อพ้นระยะเวลาจัดเก็บ หรือทางบริษัทไม่มีสิทธิในการจัดเก็บ หรือไม่สามารถ อ้างฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลแล้ว บริษัทจะดำเนินการทำลายข้อมูลส่วนบุคคล นั้นด้วยวิธีการที่เหมาะสมและเป็นไปตามกฎหมาย
    5.3 กรณีที่เจ้าของข้อมูลต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญา หรือเพื่อเข้าทำ สัญญา บริษัทจะแจ้งถึงผลกระทบที่เป็นไปได้จากการไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลให้เจ้าของข้อมูลทราบด้วย 5.4 บริษัทอาจจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมต่อบุคคลหรือหน่วยงาน เช่น การเปิดเผยข้อมูล ตามกฎหมาย ความมั่นคง และการให้บริการ ทั้งนี้ต้องเป็นการเปิดเผยเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
  6. ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมและประมวลผล
    ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทนั้น บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อเก็บรวบรวมและประมวลผล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ในฐานะผู้ใช้บริการ ลูกค้า คู่ค้า หรือเมื่อท่านติดต่อกับบุคลากรหรือกับบริษัท ข้อมูล ส่วนบุคคลที่บริษัทอาจได้รับเพื่อเก็บรวบรวมและประมวลผลนั้น จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับความยินยอม จากท่าน ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้ใช้อำนาจปกครองตามกฎหมายหรือเป็นไปตามที่พระราชบัญญัติ กฎหมายอื่น หรือประกาศหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการกำหนด โดยข้อมูลดังกล่าวมีดังต่อไปนี้
    6.1 ข้อมูลทั่วไป
    6.1.1 ข้อมูลที่สามารถระบุตัวบุคคลได้ เช่น ชื่อ นามสกุล วันเดือนปีเกิด หมายเลขบัตรประจำตัว ประชาชน
    6.1.2 ข้อมูลที่อยู่หรือสถานที่สำหรับติดต่อ เช่น ที่อยู่ อีเมล หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ และหมายเลขโทรศัพท์
    6.1.3 ข้อมูลการทำธุรกรรม เช่น รายละเอียดการชำระเงิน บัญชีธนาคาร รายละเอียดผลิตภัณฑ์ สัญญาหรือข้อตกลง และบริการอื่น ๆ ที่ท่านได้ทำธุรกรรมร่วมกับบริษัท รวมถึงข้อมูลการเข้าถึงเว็บไซต์ และบริการอื่น ๆ ของบริษัท
    6.1.4 บันทึกการเข้าร่วมประชุม เช่น บันทึกการประชุม และกิจกรรมอื่น ๆ ที่จัดโดยบริษัท หรือในนามของบริษัท
    6.1.5 บันทึกความยินยอม เช่น บันทึกความยินยอมใด ๆ ที่ให้ไว้กับบริษัท พร้อมวันที่ เวลา วิธีการยินยอม และข้อมูลอื่น ๆ
    6.1.6 ข้อมูลผู้สมัครงาน เช่น ประวัติย่อ ข้อมูลเกี่ยวกับท่าน เช่น ญาติ ชื่อ และหมายเลขโทรศัพท์ ของบุคคลอ้างอิง
    6.1.7 มุมมองและความคิดเห็นที่ท่านเลือกที่จะส่งถึงบริษัทหรือแสดงความเห็นในรูปแบบ สาธารณะที่เกี่ยวข้องกับบริษัท
    6.1.8 ข้อมูลการติดตาม เช่น ภาพโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ภายในอาคารสำนักงาน หรือศูนย์บริการลูกค้า การเข้าสู่ระบบและอาคาร และบันทึกการเข้าออก ภาพถ่ายในบัตรเข้าออก และข้อมูล อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องสำหรับการรักษาความปลอดภัยและป้องกันอาชญากรรม
    6.2 ข้อมูลบริการและข้อมูลทางเทคนิค
    6.2.1 เมื่อท่านใช้บริการของบริษัทหรือทำกิจกรรมร่วมกับบริษัท บริษัทอาจจะบันทึกข้อมูล บางประเภทที่เกี่ยวกับตัวท่านและอุปกรณ์ของท่าน หรืออุปกรณ์รับส่งเสียง หรือข้อมูลปลายทาง ซอฟต์แวร์ที่ ท่านใช้ในการเข้าถึงบริการไม่ว่ายี่ห้อใด หมายเลขโทรศัพท์ที่ท่านใช้ในการโทรหรือส่งข้อความ วันที่ เวลา ระยะเวลา ที่อยู่ของท่านในขณะติดต่อสื่อสาร ข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ท่านใช้ในการเปิดดู เว็บไซต์และการบริการที่ท่านได้รับจากบริษัทหรือเพื่อเข้าสู่ระบบของบริษัท รวมทั้งข้อมูลหมายเลขประจำ
    เครื่อง (IP Address) ของอุปกรณ์หรือเครื่องมือรับส่งข้อมูลปลายทาง เช่น คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล แล็ปท็อป หรือ สมาร์ทโฟน ข้อมูลรุ่นอุปกรณ์ ข้อมูลเครือข่าย รายละเอียดวัน สถานที่ เวลาและวิธีใช้บริการ ตำแหน่ง ที่ใช้โทรศัพท์ (Cell ID) หรือการประมวลผลโดย Global Positioning System (GPS) อ้างอิงจากบริการ
    หรือข้อเสนอทางตำแหน่งที่ท่านใช้และสถานที่ของท่านบนเครื่องเครือข่ายของบริษัท 6.2.2 เมื่อท่านเข้าชมเว็บไซต์ของบริษัทหรือใช้บริการออนไลน์ใด ๆ บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูล ในข้อ 6.2.1 และข้อมูลการใช้บริการออนไลน์ เช่น หมายเลขประจำเครื่อง ชนิดของอุปกรณ์รับส่งข้อมูล เกี่ยวกับการตั้งค่า ข้อมูลเครือข่าย รายละเอียดวันเวลาสถานที่ในการใช้บริการ ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ ข้อมูล เกี่ยวกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ท่านใช้ในการเปิดดูเว็บไซต์ รุ่นและประเภทของโปรแกรมเสริมที่ใช้กับ คอมพิวเตอร์ที่ใช้เปิดดูเว็บไซต์ ระบบปฏิบัติการและแพลตฟอร์ม การดาวน์โหลดและอุปสรรค รวมถึง ระยะเวลาพฤติกรรมในการเข้าชมเว็บไซต์
    6.2.3 บริษัทสามารถเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ในกรณีที่บริษัทเชื่อมโยงบริการดิจิทัลของบริษัทกับ บริการของบุคคลภายนอก เช่น Facebook หรือ Twitter เป็นต้น ข้อมูลดังกล่าวหมายรวมถึงข้อมูลที่กล่าวถึง ไปแล้วในข้อ 6.2.1 และ 6.2.2 รวมทั้งข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ ข้อมูลจำเป็นที่จะทำให้บริษัทสามารถเชื่อมต่อ ระบบการลงทะเบียนกับบริการของบุคคลอื่น
    6.2.4 ข้อมูลอื่น ๆ ที่บริษัทอาจเก็บรวบรวมจากท่านเพื่อปรับปรุงการบริหารงาน และการ ให้บริการแก่ท่านได้ดียิ่งขึ้น
    6.3 ข้อมูลการตลาด
    ข้อมูลการตลาดและการสื่อสาร บริษัทจะส่งข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัทให้ท่าน เป็นครั้งคราวหากท่านมีการสมัครสมาชิกเพื่อรับข้อมูลผ่านจดหมายข่าว อีเมล หรือช่องทางการสื่อสารอื่น ๆ ของบริษัท เช่น ความพึงพอใจของบริการทางการตลาดและช่องทางการสื่อสาร อย่างไรก็ตาม ท่านสามารถ เปลี่ยนวิธีการรับข้อมูลหรือยกเลิกบริการดังกล่าวได้ตลอดเวลาโดยแจ้งให้บริษัททราบ 6.4 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน
    บริษัทอาจได้รับข้อมูลที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับท่าน และเมื่อมีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูล ส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับท่าน บริษัทจะดำเนินการอย่างระมัดระวังและเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ดังต่อไปนี้
    6.4.1 บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน ในกรณีที่การประมวลผล มีความจำเป็นสำหรับการกำหนดสิทธิตามกฎหมาย เช่น การดำเนินคดี เป็นต้น หรือการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการปกป้องสิทธิ เช่น เพื่อเตรียมความพร้อมในการต่อสู้คดีในศาลหรือกระบวนการใด ๆ ที่ดำเนินการโดย เจ้าหน้าที่รัฐ
    6.4.2 บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับท่าน เพื่อป้องกัน หรือปราบปรามอันตรายที่จะเกิดขึ้นต่อชีวิตร่างกายของท่าน หรือสุขภาพของบุคคลอื่น ทั้งนี้ ในกรณีที่ท่านไม่ มีอำนาจหรือไม่อยู่ในสภาวะที่อาจให้ความยินยอมได้
    6.4.3 บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนเพื่อวัตถุประสงค์อื่นเฉพาะ ในกรณี ที่ท่านให้ความยินยอมกับบริษัทอย่างชัดแจ้งในการประมวลผลดังกล่าว หรือเมื่อข้อมูลส่วนบุคคลที่ ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับท่านถูกเปิดเผยต่อสาธารณะโดยความยินยอมของท่านแล้วเท่านั้น เช่น ในโซเชียลมีเดีย
    6.4.4 บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนเมื่อการประมวลผลมีความจำเป็น เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่กฎหมายกำหนด
  7. วิธีการ / แหล่งข้อมูลที่บริษัทใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
    บริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลโดยตรง เมื่อเจ้าของข้อมูลให้ความยินยอม มาอย่างสมัครใจ โดยวิธีการใดวิธีการหนึ่งดังต่อไปนี้
    7.1 ทางเว็บไซต์หรือ Mobile Application ของบริษัท
    7.2 เว็บไชต์หรือแอปพลิเคชันอื่น ๆ ที่บริษัทอาจเป็นเจ้าของทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งบริการ ออนไลน์ของบริษัท นอกเหนือจากข้างต้นท่านอาจติดต่อกับบริษัทผ่านช่องทางอื่น ๆ ซึ่งท่านอาจให้ข้อมูล ส่วนบุคคลของท่านกับบริษัทได้ ดังตัวอย่างต่อไปนี้
    7.2.1 การลงทะเบียนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อมีการเปิดบัญชีลูกค้าใหม่หรือบัญชีคู่ค้า ทางธุรกิจของท่านเพื่อรับบริการจากบริษัท
    7.2.2 การติดต่อบริษัทผ่านตัวแทนของบริษัทหรือคู่ค้าทางธุรกิจของบริษัทผ่านช่องทางออนไลน์ หรือโดยตรง
    7.2.3 การสมัครรับโฆษณาหรือข่าวสารการตลาดของบริษัท หรือเข้าร่วมในแคมเปญ การตลาด ใด ๆ
    7.2.4 การเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัท เช่น การถ่ายภาพในระหว่างการสัมมนา หรือเข้ามา ในบริเวณที่ทำการบริษัท หรือในกิจกรรมประชาสัมพันธ์อื่น ๆ
    7.2.5 การรวบรวมหรือได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านเผยแพร่สู่สาธารณะ รวมถึงผ่าน โซเชียลมีเดีย
    7.2.6 การเยี่ยมชมสำนักงาน พื้นที่ไซต์งานหรือเว็บไซต์ใด ๆ ของบริษัท
    7.3 แบบคำขอใช้บริการ หรือขั้นตอนการยื่นคำร้องขอใช้สิทธิต่าง ๆ
    7.4 การทำแบบสอบถาม หรือการโต้ตอบทางอีเมล
    7.5 ทางข้อความสั้น (SMS)
    7.6 ช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างเจ้าของข้อมูลกับบริษัทตามแบบวิธีของบริษัท 7.7 บริษัทมีนโยบายคุกกี้ตามที่บริษัทกำหนด
    7.8 ข้อมูลส่วนบุคคลที่ทาง บริษัท จัดเก็บบางส่วนอาจมีลักษณะอ่อนไหว โดยจะแจ้งขอความยินยอม โดยชัดแจ้ง เป็นต้นว่า เชื้อชาติ สถานะการสมรส ความเชื่อทางศาสนา ข้อมูลด้านสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสหภาพแรงงานทางบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลเหล่านี้ เมื่อจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎหมาย และระเบียบ
    7.9 กรณีที่เจ้าของข้อมูลให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง (เช่น คู่สมรส สมาชิกในครอบครัว หรือเพื่อน) แก่บริษัท ตัวอย่างเช่น อาจระบุเป็นที่อยู่ติดต่อฉุกเฉิน เจ้าของข้อมูลจะต้องรับรองและรับประกัน ว่า เจ้าของข้อมูลได้รับความยินยอมให้มีการเก็บรวบรวม ใช้และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามที่ระบุไว้ ในนโยบายนี้
    7.10 บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลภายนอก ในกรณีต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ 7.10.1 หากท่านเลือกที่จะโต้ตอบกับเนื้อหาหรือโฆษณาของบุคคลที่สามใด ๆ บนเว็บไซต์หรือใน แอปพลิเคชัน
    7.10.2 บุคคลที่สามที่มอบข้อมูลส่วนบุคคลให้บริษัท เช่น หน่วยงานสินเชื่อ ศาล หรือหน่วยงาน ของรัฐ เป็นต้น
    7.10.3 การสร้างข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับท่าน เช่น บันทึกการสื่อสารระหว่างท่านกับบริษัท รวมถึง การเข้าร่วมกิจกรรมหรือการสัมภาษณ์ ทั้งนี้ บริษัทอาจบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์ การประชุม และการ สนทนาอื่น ๆ ที่ท่านสื่อสารกับบริษัทตามที่กฎหมายกำหนด
    7.10.4 ในกรณีที่บริษัทได้รับความยินยอมจากท่าน หรือในกรณีที่กฎหมายบังคับหรืออนุญาต ให้ทำได้
  8. การใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
    การใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์ที่มี ความเกี่ยวข้องโดยตรงกับวัตถุประสงค์ของการเก็บรวบรวม ทั้งนี้ บุคคล หน่วยงาน ที่บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล โดยจำเป็นต้องส่งข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลไปยังบุคคล หรือหน่วยงาน ภายนอกใด ๆ เช่น คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือหน่วยงาน ด้านความมั่นคงเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายเท่าที่จำเป็น
  9. การขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล
    บริษัทจะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนหรือในขณะทำการเก็บรวบรวม การใช้ การเปิดเผยข้อมูล ส่วนบุคคล เว้นแต่ในกรณีดังนี้
    9.1 เพื่อประโยชน์ที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติ เพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูล 9.2 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกายหรือสุขภาพของเจ้าของข้อมูลหรือบุคคลอื่น 9.3 เพื่อปฏิบัติตามสัญญา หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลก่อนเข้าทำ สัญญานั้น
    9.4 เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินการภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือได้รับมอบหมายให้ ปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐ
    9.5 เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ที่ครอบคลุมในกิจการของบริษัท
    9.6 เป็นการปฏิบัติตามคำสั่งศาล หรือที่กฎหมายกำหนด เช่น พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พระราชบัญญัติ การประกอบกิจการโทรคมนาคม พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พระราชบัญญัติ การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เป็นต้น
    9.7 เป็นข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว
  10. การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
    บริษัทจะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยมีฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้ 10.1 บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย และจะดำเนินการก็ต่อเมื่อมี การดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้
    10.1.1 บริษัทได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้ใช้อำนาจปกครอง ตามกฎหมาย หรือเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด
    10.1.2 บริษัทมีความจำเป็นเพื่อการป้องกันหรือระงับภัยอันตรายต่อชีวิต ร่างกายหรือสุขภาพ
    10.1.3 บริษัทมีความจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านทำไว้กับบริษัทหรือเพื่อให้บริษัท ดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนที่จะทำสัญญา
    10.1.4 บริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ซึ่งไม่ได้สำคัญน้อยกว่าสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานของท่าน
    10.1.5 กรณีอื่นที่กฎหมายหรือประกาศหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนดให้ทำได้
    10.2 เมื่อมีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับท่าน บริษัทจะดำเนินการ เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ โดยอาศัยฐานทางกฎหมายอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
    10.2.1 บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน ในกรณีที่การประมวลผลมี ความจำเป็นสำหรับการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายของบริษัท (เช่น การดำเนินคดี) การปฏิบัติตาม กฎหมาย หรือการยกข้อต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย (เช่น เพื่อเตรียมการต่อสู้ในกระบวนการพิจารณาคดี ของศาล หรือกระบวนการใด ๆ ที่ดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ)
    10.2.2 บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับท่านเพื่อป้องกันหรือระงับ ภัยอันตรายต่อท่านหรือชีวิต ร่างกายหรือสุขภาพของบุคคลอื่น เมื่อท่านหรือบุคคลดังกล่าวไม่สามารถให้ ความยินยอมได้
    10.2.3 บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์อื่นเฉพาะในกรณีที่ท่านให้ ความยินยอมเป็นการเฉพาะและชัดแจ้งสำหรับการประมวลผลดังกล่าวหรือเมื่อท่านยินยอมให้ข้อมูล ส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนเกี่ยวกับท่านถูกเปิดเผยต่อสาธารณะแล้วเท่านั้น เช่น ในโซเชียลมีเดีย
    10.2.4 บริษัทอาจต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนเมื่อต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเมื่อบริษัทสามารถทำได้ตามกฎหมาย
    หากบริษัทขอความยินยอมเพิ่มเติมจากท่านเป็นการเฉพาะและชัดแจ้ง บริษัทจะให้รายละเอียดข้อมูล ที่บริษัทต้องการและเหตุผลเพื่อให้ท่านพิจารณาอย่างรอบคอบว่าท่านประสงค์จะให้ความยินยอมหรือไม่ ท่านควรทราบว่าการให้ความยินยอมของท่านไม่ได้เป็นเงื่อนไขของสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท
  11. วัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
    การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
    11.1 เพื่อการจัดการ การปรับปรุงเว็บไซต์และการบริการเพื่อให้บริการที่เหมาะสมและน่าพอใจ หรือปรับเปลี่ยนการให้บริการให้สอดคล้องกับความต้องการของท่าน การแก้ปัญหาหรือจัดการโครงข่าย โทรคมนาคม
    11.2 เพื่อการส่งข่าวสาร โฆษณาและข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท และ/หรือคู่ค้า การบริหารความสัมพันธ์ การส่งหนังสือแจ้งค่าใช้บริการ ข้อความเตือนหรือแจ้งการใช้บริการ และการบันทึกการซื้อสินค้าหรือรับบริการ
    11.3 เพื่อการดำเนินการตามคำขอของท่านสำหรับลูกค้าและคู่ค้าทางธุรกิจ หรือการลงทะเบียน และการ เข้าร่วมกิจกรรมของบริษัท
    11.4 เพื่อการถ่ายโอนข้อมูลใด ๆ ในกรณีของการโอนธุรกิจหรือตามสัญญา
    11.5 เพื่อตรวจสอบการประพฤติมิชอบหรือการฉ้อโกง และเพื่อมาตรการรักษาความปลอดภัย หรือป้องกันโครงข่ายโทรคมนาคมให้ปลอดภัย ป้องกันการฉ้อโกง การกระทำความผิดหรือการละเมิดข้อตกลง 11.6 เพื่อการเปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย หรือคำสั่งศาลหรือหน่วยงาน ใด ๆ ภายใต้กฎหมาย
    11.7 เพื่อปกป้องสิทธิทางกฎหมายของบริษัทและผู้ที่เกี่ยวข้อง
    11.8 เพื่อจัดทำสถิติในการขายหรือการให้บริการ การจราจรทางเครือข่ายและตำแหน่ง และการ ตรวจสอบเครดิตเพื่อประเมินคำขอใช้บริการหรือการเข้าทำงานกับบริษัท
    11.9 เพื่อบริหารจัดการการให้บริการ เช่น การจัดเก็บค่าเชื่อมต่อโครงข่ายโทรคมนาคม หรือค่าบริการ การโรมมิ่ง หรือการตรวจสอบภายในหรืออื่น ๆ การทวงหนี้ การจัดทำกิจกรรมทางการตลาด หรือการจับ รางวัล
    11.10 เพื่อเปิดเผยให้แก่ผู้ให้บริการเนื้อหา (Content Provider) ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อวัตถุประสงค์ ที่ชอบด้วยกฎหมายอื่น ๆ และประกาศหลักเกณฑ์ของคณะกรรมการกำหนด
    อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับท่านโดยไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอม อย่างชัดแจ้งจากท่านเมื่อมีความจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาที่ท่านทำไว้กับบริษัท ทั้งนี้เป็นไปเพื่อให้ บริษัทดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนทำสัญญา หรือเพื่อให้บริษัทดำเนินการเพื่อผลประโยชน์ที่ถูกต้องตาม กฎหมายของบริษัท ซึ่งไม่ได้สำคัญน้อยไปกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอื่น ๆ
    ทั้งนี้ การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์เหล่านี้ บริษัทอาจมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ข้อมูลที่ เกี่ยวข้องกับการระบุตัวตน เช่น ชื่อ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ รูปถ่ายในสำเนาบัตรประจำตัว ประชาชน ที่อยู่ในสำเนาทะเบียนบ้าน บัญชีธนาคาร สำเนาสมุดคู่ฝาก รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อน เกี่ยวกับตัวท่าน เป็นต้น หากบริษัทไม่ได้รับข้อมูลส่วนบุคคลข้างต้น บริษัทอาจไม่สามารถระบุตัวท่านได้และบริษัทอาจไม่สามารถดำเนินการในเรื่องดังกล่าวก่อนที่จะทำสัญญา หรือบริษัทอาจไม่สามารถทำสัญญา กับท่านได้ นอกจากนี้ บริษัทอาจไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาที่บริษัทได้ทำไว้กับท่านได้อีกด้วย สำหรับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดนั้น บริษัทจะใช้เพื่อปรับปรุงบริการ ให้เหมาะสมกับท่านมากขึ้น ทั้งนี้ ท่านมีสิทธิไม่ยินยอมให้บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อดำเนินการได้ แต่ใน กรณีดังกล่าวท่านอาจสูญเสียโอกาสในการรับบริการที่ดีขึ้นจากบริษัท
  12. การเปิดเผย / แบ่งปัน / ถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลภายในประเทศ
    บริษัทอาจมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับผู้ให้บริการรายอื่น บริษัทจึงจำเป็นต้องเปิดเผย / แบ่งปัน / ถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่ละเอียดอ่อนที่บริษัทเก็บรวบรวมเกี่ยวกับตัวท่านให้แก่ผู้อื่น เพื่อปฏิบัติตามวัตถุประสงค์ของบริษัท โดยอาศัยวิธีการ / แหล่งที่มาของข้อมูลในรายการอย่างหนึ่งอย่างใด ในข้อ 7 การประมวลผลตามกฎหมายในข้อ 10 และเพื่อวัตถุประสงค์ในข้อ 11 ให้แก่บุคคลดังต่อไปนี้
    12.1 บริษัทในเครือ หรือบริษัทร่วมทุน ซึ่งบริษัทเข้าไปร่วมทุนหรือมีหุ้นรวมอยู่ด้วย โดยบริษัทจะแบ่งปัน ข้อมูลดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์ในการสื่อสารผลิตภัณฑ์และบริการของกลุ่มบริษัทในเครือหรือบริษัทร่วมทุน การดำเนินการตามคำขอของท่านเพื่อใช้ผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท หรือการเข้าร่วมกิจกรรมของบริษัท การถ่ายโอนข้อมูลใด ๆ ในกรณีของการโอนธุรกิจ การสอบสวนการประพฤติมิชอบหรือการฉ้อโกง และมาตรการรักษาความปลอดภัย การเปิดเผยข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมายหรือคำสั่ง
    ศาล หรือหน่วยงานใด ๆ ภายใต้กฎหมาย การปกป้องสิทธิทางกฎหมายของกลุ่มบริษัทในเครือและบุคคลที่ เกี่ยวข้อง รวมถึงวัตถุประสงค์ที่ชอบด้วยกฎหมายอื่น ๆ
    12.2 ผู้ให้บริการด้านวิชาชีพ เช่น นักกฎหมาย นักบัญชีหรือผู้ตรวจสอบบัญชีที่มีหน้าที่ตามสัญญาในการ รักษาความลับของบริษัท
    12.3 ผู้ประมวลผลที่เป็นบุคคลที่สาม เช่น การให้บริการคลาวด์ บริการโฮสต์ข้อมูล และบริการระบบ เทคโนโลยีสารสนเทศ บริษัทอาจให้บุคคลภายนอกให้บริการแก่ท่าน หรือให้บุคคลใดประมวลผลข้อมูล ส่วนบุคคลของท่านในการประกอบธุรกิจปกติของบริษัทเพื่อวัตถุประสงค์ในข้อ 11
    12.4 บุคคลที่สามที่เกี่ยวข้องที่บริษัททำธุรกรรมด้วย หรือคู่ค้าในกรณีที่บริษัทขายหรือโอนธุรกิจ หรือสินทรัพย์ของบริษัททั้งหมดหรือส่วนหนึ่งส่วนใด รวมถึงในกรณีของการปรับโครงสร้าง การเลิกกิจการหรือ การชำระบัญชี
    12.5 บุคคลที่สามที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นผู้ให้บริการ ผลิตภัณฑ์ด้านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัท โดยการใช้ปลั๊กอินหรือเนื้อหาโฆษณาของบุคคลที่สาม อย่างไรก็ดี หากท่านเลือกที่จะเข้าชมเว็บไชต์โฆษณา ปลั๊กอินหรือเนื้อหาดังกล่าว ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกประมวลผลโดยบุคคลที่สาม ดังนั้นบริษัทขอ แนะนำให้ท่านศึกษาประกาศนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่สามอย่างละเอียดถี่ถ้วนก่อนที่จะ โต้ตอบหรือดำเนินการกับบุคคลที่สามดังกล่าวต่อไป
    ทั้งนี้ บริษัทจะตรวจสอบว่าองค์กรที่บริษัทอาจเปิดเผย / แบ่งปัน / หรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับ ท่านนั้น มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอตามที่พระราชบัญญัติและประกาศหลักเกณฑ์ ที่คณะกรรมการกำหนดหรือไม่
  13. การเปิดเผย / แบ่งปัน / ถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างประเทศ
    การดำเนินธุรกิจของบริษัทและการดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในข้อ 11 และ 12 บริษัทอาจเปิดเผย / แบ่งปัน / ถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับท่านให้กับบุคคลต่าง ๆ ในประเทศอื่น ๆ ในกรณีได้ดำเนินการตามวิธีการ / แหล่งที่มาของข้อมูลที่ถูกต้องตามที่ระบุในข้อ 7 และการประมวลผลตาม กฎหมายในข้อ 10 หากผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลมีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่ วนบุคคลที่เพียงพอตาม พระราชบัญญัติ หรือประกาศหลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการกำหนด บริษัทอาจเปิดเผย / แบ่งปัน / ถ่ายโอน ข้อมูลส่วนบุคคลได้ ทั้งนี้ในกรณีที่ผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลในต่างประเทศไม่มีมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ที่เพียงพอ บริษัทอาจดำเนินการได้ในเฉพาะกรณีดังต่อไปนี้
    13.1 การเปิดเผย / แบ่งปัน / ถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคล เฉพาะที่มีความจำเป็นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ตาม กฎหมาย
    13.2 บริษัทได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากท่าน ผู้แทนโดยชอบธรรม ผู้ใช้อำนาจปกครองตาม กฎหมายหรือเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ในการเปิดเผย / แบ่งปัน /ถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคล โดยท่านได้รับ แจ้งอย่างครบถ้วนถึงรายละเอียดของมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่เพียงพอของประเทศอื่นนั้นแล้ว
    13.3 บริษัทมีความจำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการทำสัญญาหรือดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนที่จะ ทำสัญญา
    13.4 บริษัทมีความจำเป็นสำหรับการทำสัญญาระหว่างบริษัทกับบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นเพื่อผลประโยชน์ ของท่าน
    13.5 บริษัทมีความจำเป็นเพื่อการป้องกันหรือระงับภัยอันตรายต่อชีวิต ร่างกายหรือสุขภาพ และผลประโยชน์สาธารณะอื่น ๆ
    13.6 บริษัทมีความจำเป็นเพื่อการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์สาธารณะที่สำคัญ หรือเรื่องอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด
  14. ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
    บริษัทจะรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่บริษัทรวบรวมไว้ รวมถึง เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย ทั้งนี้ ในการกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาที่เหมาะสมสำหรับ ข้อมูลส่วนบุคคลนั้น บริษัทจะพิจารณาจำนวน ลักษณะ และความละเอียดอ่อนของข้อมูลส่วนบุคคล ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานหรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน วัตถุประสงค์ของการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลว่าบริษัทจะสามารถบรรลุวัตถุประสงค์เหล่านั้นด้วยวิธีการอื่นที่มีความเสี่ยงน้อย กว่าการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ต่อไปหรือไม่ รวมถึงบริษัทจะพิจารณาถึงข้อกำหนดทางกฎหมายที่ทำให้บริษัทอาจต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้ต่อไป เพื่อกำหนด ใช้ หรือปกป้องสิทธิทางกฎหมาย
  15. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
    ภายใต้พระราชบัญญัติ บริษัทได้กำหนดรายละเอียดเพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิตามกฎหมายของท่าน ดังนี้ 15.1 สิทธิในการเข้าถึง
    ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงและรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทมีเกี่ยวกับตัวท่าน หรือท่านอาจขอให้ บริษัทเปิดเผยแหล่งที่มาของบริษัทที่ได้รับข้อมูลของท่านซึ่งท่านไม่ได้ให้ความยินยอม บริษัทจะไม่สามารถให้ การเข้าถึงดังกล่าวแก่ท่านได้ หากต้องห้ามโดยกฎหมายหรือคำสั่งศาล และหากการเข้าถึงดังกล่าวจะทำให้สิทธิ และเสรีภาพของบุคคลอื่นลดลง
    15.2 สิทธิในการโอนย้ายข้อมูล
    ท่านมีสิทธิที่จะขอให้บริษัทถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคล/องค์กรอื่น หรือขอดู ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทถ่ายโอนไปยังบุคคล/องค์กรอื่น เว้นแต่จะดำเนินการไม่ได้ด้วยเหตุผลทางเทคนิค 15.3 สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
    ท่านมีสิทธิคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ทั้งนี้ บริษัทเคารพสิทธิของท่าน และบริษัทจะประเมินคำขอเป็นรายกรณีตามข้อกำหนดทางกฎหมาย
    15.4 สิทธิในการลบ
    ท่านมีสิทธิที่จะขอให้บริษัทลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีต่อไปนี้
    15.4.1 ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นไม่มีความจำเป็นตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย อีกต่อไป
    15.4.2 ท่านได้ถอนความยินยอมของท่านที่ให้มีการเก็บรวบรวม ใช้หรือเปิดเผยแล้ว 15.4.3 ท่านได้คัดค้านการเก็บรวบรวม การใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล และบริษัทไม่มี เหตุผลที่จะปฏิเสธคำขอดังกล่าว
    15.4.4 เมื่อข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้หรือเ ปิดเผยอย่างผิดกฎหมายภายใต้ พระราชบัญญัติ
    15.4.5 กรณีอื่น ๆ ตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ บริษัทเคารพสิทธิของท่านและบริษัทจะลบข้อมูล ส่วนบุคคลของท่าน เว้นแต่บริษัทจะเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไว้ 15.5 สิทธิในการระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
    ท่านมีสิทธิที่จะขอให้บริษัทระงับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณี ดังต่อไปนี้ 15.5.1 อยู่ภายใต้กระบวนการตรวจสอบที่รอการตรวจสอบว่าข้อมูลส่วนบุคคลนั้นถูกต้อง เป็นปัจจุบันและครบถ้วนหรือไม่
    15.5.2 เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ควรถูกลบหรือทำลาย เนื่องจากไม่เป็นไปตามกฎหมายและท่าน ขอจำกัดการใช้งานแทน
    15.5.3 ข้อมูลส่วนบุคคลไม่จำเป็นต้องเก็บรักษาตามวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยอีกต่อไปตามวัตถุประสงค์ แต่ท่านยังมีความจำเป็นที่จะต้องเก็บรักษาเพื่อวัตถุประสงค์ในการ ใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมายหรือการปกป้องสิทธิในการเรียกร้องทางกฎหมาย
    15.5.4 บริษัทกำลังพิจารณาคำขอของท่านซึ่งคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล 15.6 สิทธิในการถอนความยินยอม
    ท่านสามารถถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ เว้นแต่จะเป็นการขัดต่อประกาศของบริษัทหลังจาก ความยินยอมถูกถอนแล้ว บริษัทจะหยุดการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเว้นแต่จะมีฐานทางกฎหมายอื่น ๆ ที่ บริษัทสามารถประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลได้
    15.7 สิทธิในการแก้ไข
    ท่านมีสิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่ถูกต้องเพื่อให้ถูกต้องเป็นปัจจุบัน ครบถ้วนและไม่ทำให้ เกิดความเข้าใจผิดในระหว่างที่ท่านยังคงใช้บริการ หรือมีความสัมพันธ์ในทางธุรกิจอย่างใดอย่างหนึ่งกับบริษัท หากข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้มีการเปลี่ยนแปลง ท่านต้องแจ้งให้บริษัททราบถึงการเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไข ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ไว้ เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกต้อง และเป็นปัจจุบัน หากข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านไม่ถูกต้อง บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นอันเป็นผลมาจากการ ไม่แจ้งการเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบริษัทให้ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่บริษัท ปฏิเสธคำขอของท่าน บริษัทจะบันทึกการปฏิเสธดังกล่าวพร้อมระบุเหตุผล
    15.8 สิทธิในการยื่นเรื่องร้องเรียน
    ท่านจะมีสิทธิร้องเรียนในกรณีที่บริษัท ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงบุคลากรของบริษัท ไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ หรือประกาศอื่น ๆ ตามที่คณะกรรมการกำหนด นอกจากนี้ท่านยังมีสิทธิยื่นเรื่อง ร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งตาม กฎหมาย หรือสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ได้อีกทางหนึ่งด้วย
    ในกรณีที่ท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทก่อนที่พระราชบัญญัติจะใช้บังคับ บริษัทจะดำเนินการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์เดิมของบริษัทต่อไป ท่านอาจขอให้บริษัทหยุด ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านได้ โดยผ่านการติดต่อกับบริษัทตามรายละเอียดที่ไห้ไว้ บริษัท จะตรวจสอบคำขอของท่านเป็นรายกรณี ทั้งนี้ บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่า การถอนความยินยอมของท่าน อาจส่งผลกระทบต่อบริการที่บริษัทจัดให้ เช่น การให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของบริษัท เป็นต้น ทั้งนี้ หากต้องการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลใด ๆ ของท่าน โปรดติดต่อบริษัทตามที่อยู่ที่ระบุไว้ในข้อ16 ของประกาศฉบับนี้
    ทั้งนี้ เป็นไปตามที่กฎหมายที่เกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เว้นแต่เป็นการขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติ แห่งกฎหมาย การกระทบต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร กระทบต่อเศรษฐกิจและการพาณิชย์ของประเทศ มีผลต่อการสืบสวนสอบสวนของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย หรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล หรือกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น โดยเจ้าของข้อมูลสามารถติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO) ได้ที่ตามช่องทางที่บริษัทกำหนด ทั้งนี้ เจ้าของข้อมูลไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ในการดำเนินตาม สิทธิข้างต้น โดยบริษัทจะพิจารณาและแจ้งผลการพิจารณาตามคำร้องภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำร้อง ขอดังกล่าว
  16. การบันทึกคำขอ / การปฎิเสธของบริษัท
    เมื่อมีการร้องขอในการใช้สิทธิตามกฎหมาย บริษัทจะรับทราบว่าได้รับคำขอและยืนยันว่าบริษัทกำลัง ตรวจสอบคำขอ และจะตอบกลับภายในกรอบเวลาตามกฎหมาย โดยบริษัทจะประเมินข้อกำหนดทาง กฎหมายของการประมวลผลและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับท่าน ทั้งนี้ คำขอแต่ละครั้งจะได้รับการพิจารณา เกี่ยวกับข้อเท็จจริงประกอบกับสถานการณ์และข้อกฎหมายในขณะนั้น
    ในกรณีที่มีการร้องขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะส่งสำเนาที่ร้องขอให้ท่านภายใน 30 วัน หลังจากได้รับคำขอของท่านอย่างครบถ้วนแล้ว เว้นแต่บริษัทจะมีเหตุผลที่จะปฏิเสธคำขอของท่าน หรือบริษัท ได้ขอข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อยืนยันตัวตนและสิทธิของท่านซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการรักษาความปลอดภัยของ บริษัท หากท่านมีข้อสงสัยหรือต้องการใช้สิทธิใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโปรดติดต่อบริษัท
  17. คุณภาพของข้อมูลส่วนบุคคล
    บริษัทจะดำเนินการให้คุณภาพของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมนั้นให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน ตามที่ เจ้าของข้อมูลแจ้งและไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  18. ความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
    บริษัทขอรับรองว่าข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดที่ถูกเก็บรวบรวมและประมวลผลนั้น จะถูกเก็บไว้ และประมวลผลอย่างปลอดภัยและอย่างเคร่งครัดด้วยมาตรฐานความปลอดภัยที่เหมาะสม บริษัท จะดำเนินการจัดทำและ/หรือ เลือกใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลและการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลด้วยกลไก และเทคนิคที่เหมาะสมตามมาตรการความมั่นคงปลอดภัยของบริษัทและตามกฎหมาย รวมทั้งจำกัดการเข้าถึง ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคลากรของบริษัท เพื่อป้องกันการสูญหาย เข้าถึง ใช้ เปลี่ยนแปลง แก้ไข หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจหรือโดยมิชอบ ทั้งนี้ บริษัทจะทำการทบทวนมาตรการดังกล่าว เมื่อมีความจำเป็นหรือเมื่อเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัย อย่างเหมาะสม หากท่านมีเหตุผลที่เชื่อได้ว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกละเมิด หรือหากท่านมีคำถามใด ๆ เกี่ยวกับประกาศนโยบายนี้ ขอให้ท่านได้โปรดติดต่อบริษัทเพื่อประโยชน์ในการรักษาความลับ ความถูกต้องครบถ้วน และความพร้อมใช้ของข้อมูลส่วนบุคคลบริษัท ได้มีมาตรการดังนี้
    18.1 จัดให้มีมาตรการการยืนยันตัวตน (Authentication) กำหนดสิทธิ (Authorization) และการบันทึก กิจกรรม (Accounting) ในการเข้าถึง การใช้ การเปิดเผย การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามมาตรการรักษา ความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศของ บริษัท อย่างเคร่งครัด
    18.2 ในกรณีที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ รวมถึงการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปเก็บ บนฐานข้อมูลในระบบอื่นใด ซึ่งผู้ให้บริการรับโอนข้อมูลหรือบริการเก็บข้อมูลอยู่ต่างประเทศนั้น ต้องมี มาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอหรือเทียบเท่ามาตรการตามนโยบายนี้ เว้นแต่เป็นไปตาม กฎหมายหรือได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล
    18.3 ในกรณีที่มีการฝ่าฝืนมาตรการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของบริษัท จนเป็นเหตุให้มีการละเมิด ข้อมูลส่วนบุคคล หรือข้อมูลส่วนบุคคลรั่วไหลสู่สาธารณะ บริษัทจะดำเนินการแจ้งเจ้าของข้อมูลให้ทราบ โดยเร็ว รวมทั้งแจ้งแผนการเยียวยาความเสียหายจากการละเมิดหรือรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลสู่สาธารณะ ในกรณีที่เกิดจากความบกพร่องของบริษัทที่ส่งผลต่อสิทธิ และเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งนี้
    บริษัท จะไม่รับผิดชอบในกรณีความเสียหายใด ๆ อันเกิดจากการใช้ หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลต่อ บุคคลที่สาม รวมถึงการละเลย หรือเพิกเฉยการออกจากระบบ (Log out) ที่เจ้าของข้อมูลได้เข้าใช้งาน โดย การกระทำของเจ้าของข้อมูลหรือบุคคลอื่นซึ่งได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูล
    18.4 บริษัทมีการดำเนินการสอบทาน และประเมินประสิทธิภาพของระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อทำการ รักษาข้อมูลส่วนบุคคลให้มีประสิทธิภาพ
  19. คุกกี้
    บริษัทอาจวางคุกกี้ไว้บนเว็บเบราเซอร์ของท่าน อุปกรณ์ของท่าน หรืออ่านคุกกี้ที่มีอยู่บนอุปกรณ์ของท่าน อยู่แล้ว เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของท่านในการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัท ทั้งนี้ เมื่อท่านได้เข้าเยี่ยมชม เว็บไซต์ของบริษัทหรือทำการตรวจสอบข้อความ บริษัทจะดำเนินการโดยขอความยินยอมจากท่านก่อน อย่างไรก็ตาม ท่านอาจเลือกที่จะปิดการใช้งานคุกกี้ข้างต้นขณะที่เยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทได้ แต่การปิด ใช้งานคุกกี้ใด ๆ อาจส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ของท่านในเว็บไซต์ของบริษัท หากท่านใช้อุปกรณ์ ต่าง ๆ ในการเข้าถึงเว็บไซต์ของบริษัท บริษัทขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบให้แน่ใจว่าแต่ละเบราเซอร์ของแต่ละ อุปกรณ์นั้นถูกตั้งค่าคุกกี้ตามที่ท่านต้องการ ทั้งนี้ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเรื่อง “นโยบายการใช้ คุกกี้” ของบริษัทได้
  20. นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์อื่น
    นโยบายฉบับนี้ ใช้เฉพาะสำหรับการให้บริการของบริษัทและการใช้งาน เว็บไซต์และ Mobile Application ของบริษัทเท่านั้น หากเจ้าของข้อมูลได้เยี่ยมชมเว็บไซต์หรือเข้าใช้ Mobile Application อื่น (แม้จะผ่านช่องทางในเว็บไซต์หรือ Mobile Application ของบริษัทก็ตาม) เจ้าของข้อมูลจะต้องศึกษา และปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในเว็บไซต์หรือ Mobile Application นั้น ๆ แยกต่างหากจากของบริษัท
    เว็บไซต์ของบริษัทอาจถูกเปลี่ยนเส้นทางไปยังเว็บไซต์อื่น ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ท่านเมื่อท่าน เยี่ยมชมเว็บไซต์อื่น ๆ เว็บไซต์เหล่านี้อาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน บริษัทจะไม่รับผิดชอบต่อ การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยเว็บไซต์อื่นหรือบุคคลดังกล่าว ท่านควรตรวจสอบมาตรฐาน การคุ้มครองความเป็นส่วนตัวของเว็บไซต์เหล่านี้อย่างรอบคอบก่อนที่ท่านจะใช้บริการบนเว็บไซต์เหล่านั้น
  21. ความรับผิดชอบของบุคคล
    บริษัท กำหนดให้พนักงานหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคล ต้องให้ความสำคัญและ รับผิดชอบในการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้อย่าง เคร่งครัด โดยมีสายงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลภาพรวมตามนโยบายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิผล
  22. การทบทวนนโยบาย
    บริษัท จะทำการทบทวนนโยบายนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติและกฎหมาย ข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง หรือในกรณีที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไข ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ บริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลทราบด้วยการ Update ข้อมูลลงในเว็บไซต์ ของบริษัทโดยเร็ว
  23. ติดต่อบริษัท
    หากท่านมีความคิดเห็น คำแนะนำ คำถามหรือต้องการร้องเรียนเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทผ่านช่องทาง ดังนี้
    (1) เว็บไซต์ของบริษัท www.ntplc.co.th เมนู “รับเรื่องร้องเรียน”
    (2) โทร 1800 010 206 (ไม่คิดค่าบริการ) วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น. (เว้นวันหยุดราชการ)
    (3) จดหมาย ส่ง บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการทุจริต ส่วนรับเรื่องร้องเรียน เลขที่ 99 ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ 10210 (4) จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ dataprivacy@nt.ntplc.co.th
    (5) ด้วยตนเองที่ สำนักงานใหญ่ของบริษัท หรือศูนย์บริการลูกค้าของบริษัททุกแห่ง วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 08.30 – 16.30 น. (เว้นวันหยุดราชการ)